วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2558

ไอเดียในการบริหารพอร์ท


เรื่องไอเดียในการบริหารพอร์ท



โดยปกตินะครับ พอร์ทเรานี่แหละ จะบอกภาวะตลาดได้คร่าวๆ เหมือนกัน
ผมก็ดูง่ายๆ ว่าหุ้นในพอร์ทผมมันขึ้นในสัดส่วนเท่าไหร่ เช่น มีหุ้นสิบตัว มันขึ้นแค่ 2-3 ตัว นี่ผมต้องระวังละ
รอบนี้ก็เข้าข่ายนี้เลย มีหุ้นอยู่สิบตัว ขึ้นเกิน 10% แค่ 2 ตัว นอกนั้นก็แกว่งๆ ขึ้นบ้าง ย่อบ้าง ลงเยอะบ้าง
พอ macd ระยะเดย์ตัดลง แต่ macd ใน tf60 ตัดขึ้น ผมก็เตรียมตัวแล้ว ว่าถ้า macd tf60 ตัดลง ผมจะล้างพอร์ท

วันนี้ก็อย่างที่เห็นนะครับ ช่วงเช้าๆ ขึ้นไป ยืนไม่ค่อยได้
ตอนเที่ยง ผมเลยทยอยขาย dw ในพอร์ทก่อน พร้อมกับทยอยขายหุ้นที่มีกำไรออกไปบางส่วน
ทำไมขาย dw ก่อน ผมมีหลักง่ายๆ นะครับ ว่าตัวไหนจะทำความเสียหายให้พอร์ทมากกว่า ผมจะชิงขายก่อน

สร้างความเสียหายให้พอร์ท ผมอยากเน้นคำนี้ เพราะเป็นคำที่มันจะช่วยสร้างสภาวะจิตใจที่ดีในการลงทุน
ผมมีหลักในภาพใหญ่เลยคือผมจะคงเงินสดไว้ในพอร์ทเท่าไหร่
รอบนี้ผมเทรดสูงสุดคือมีเงินสด 50% ในพอร์ท
ทำไม 50% อันนี้คิดง่ายๆ เลยว่าตลาดมันขึ้นมาเยอะแล้ว upside มันจำกัด ไม่เหมือนตอนกลับตัว
แล้วจากนั้น ผมจึงมาดูในภาพย่อยอีกที ว่าผมจะ bet เท่าไหร่ใน product ที่เสี่ยงสูง ซึ่งปกติ dw ผมจะเทรดแค่ประมาณ 10% ของ เงินที่เข้าไปในแต่ละรอบ ก็คือ 10% ของ 50% ก็เท่ากับ 5%ของพอร์ทใหญ่
5% นี่แหละ จะเป็น maximum ที่ทำให้พอร์ทเสียหายสูงสุด ในกรณีที่ผมลืมคัทลอส เข้าเน็ตไม่ได้ โปรแกรมพัง หรืออะไรก็ตามทีที่ผมไม่สามารถไปคีย์ซื้อขายได้

ตรงนี้สำคัญยังไง
การวางแผนความเสียหายพอร์ทไว้แล้ว มันทำให้เราไม่กลัว ไม่กังวลจนเกินไปน่ะครับ
และมันก็น่าแปลกนะครับ อย่างผมทำมาเรื่อยๆ จะเจอบ่อยมากที่ พอเราขาย เราไล่คัท แล้วตลาดมันจะลงต่อ ทั้งที่ว่ากันตามจริง เราไม่ได้สนใจเรื่องความแม่น เน้นการวิเคราะห์ตลาดอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่แล้ว เพียงแค่เราคุ้นกับพอร์ทเรามากกว่า
ถ้าผมซื้อแล้วมันไม่ขึ้นนี่ ผมต้องดูแลมันมากหน่อยละ อันนี้เป็นภาวะปกติที่ผมมักเจอ เวลามันจะลง

ย้อนกลับไปตรงความกังวล
ก็เพราะ 5% ของ dw ตรงนี้เอง ที่ทำให้ผมไม่กลัวมาก อย่างถ้าวันนี้บังเอิญไม่ได้ดูตอนมันจะลงมาแรงๆ ผมก็เสียหายแค่ 5% นี่แหละ ผมก็ยังมีเงินอีก 95% เหลือ ในขณะที่หุ้น อย่างที่บอกผมดูไว้แล้วว่ามันมีตัวที่กำไร 10% ขึ้นไปอยู่ ถัวๆ กันแล้ว วันนี้ขายล้างพอร์ทไปก็ได้กำไรมานิดหน่อย ก็ไม่เป็นไร ดีกว่าเราขาดทุน
ขายจนพอเงินสดมันกลับมาในระดับที่วางแผนก็พอ หุ้นตัวไหนยังกำไรอยู่ก็เหลือไว้ ตรงนี้เป็นอีกจุดที่พอเราทำมาเรื่อยๆ เราจะคุ้นกับพอร์ทเราจนรู้สึกได้เองว่าเสี่ยงเท่านี้ เราพอดีๆ

ที่ผมเขียนมาทั้งหมด เป็นการยกตัวอย่างนะครับว่า พอเราวางแผนการขาดทุนไว้แล้ว อย่างอื่นมันจะไม่ยาก พอถึงตอนต้องขายล้างพอร์ท ก็ขายๆ ออกมา ไม่ได้คิดมากอะไร เงินสดยังเหลือ ตลาดจะขึ้นรอบหน้า ก็ยังมีทุนให้เทรดต่อได้ ทุนไม่เหลือ ก็จะได้แค่มองตาปริบๆ
นอกจากกราฟแล้ว ตัวเราเองนี่แหละ ที่ต้องศึกษามากที่สุด ศึกษาให้รู้จังหวะ รู้จิตใจ รู้ความโลภความกลัวในตัวเอง แล้วหาวิธีที่เหมาะกับตัวเอง การลงทุนมันก็จะไม่ยุ่งยากจนรบกวนชีวิตปกติของเรา

ตลาดจะลงไปถึงไหน ผมไม่รู้หรอก
ผมรู้แค่ว่า ถ้ามันลงจบแล้วจะกลับมาขึ้น ต้องมีผมอยู่ในขบวนนั้นด้วย
เงินยังเหลือในพอร์ท ก็นั่งรอได้เรื่อยๆ ครับ.

ads

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Hostgator Discount Code