ในความทรงจำ ปีชงเพิ่งจะมาแพร่หลายเป็นที่รู้จักไม่เกินสิบปีหลังนี้
จนกลายเป็นกระแสที่ต้องมีคนลงไปทำบุญแก้ชง มีข้อมูลเผยแพร่กันทุกปีว่าคนราศีไหนชง
ราศีไหนไม่ชง
แล้วก่อนที่จะมีความเชื่อนี้เข้ามา เราอยู่กันมายังไง ?
ความเชื่อเรื่องโชคลางเป็นความเชื่อมาตรฐาน ไม่เฉพาะสังคมไทย
ที่ไหนในโลกก็มีความเชื่อแบบนี้ สามารถสืบค้นย้อนกลับไปเรื่องการดูดวง ทำนายทายทัก
โชคชะตาราศีกันได้ในแทบทุกพื้นที่ของโลก
วัดแต่ละตัวบุคคลได้เลย
เราแบ่งคนได้เป็นหลายกลุ่มย่อยถ้าเอาความเชื่อเรื่องพวกนี้เป็นตัววัด
ตั้งแต่คนที่เชื่อแบบสุดลิ่มทิ่มประตู คนที่เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง คนที่ไม่เชื่อแต่ไม่ลบหลู่
และคนที่ไม่เชื่อเลย
ดวงและความซวย กลายเป็นแพะรับบาปเสมอมา สำหรับคนที่เชื่อ
และพร้อมจะโยนความไม่สะดวก ความผิดพลั้งพลาดในชีวิตให้กับความซวย
ปีนี้ปีชง กลายเป็นคำติดปากสำหรับหลายคนเวลาที่มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
มีความลำบาก ยากเย็นผ่านเข้ามาในชีวิต
ถูกผิด พิสูจน์ยาก
เพราะมนุษย์มีความโน้มเอียงที่จะตีความให้เข้ากับธงที่ปักไว้ในใจอยู่แล้ว
ต่อให้เรื่องร้ายถูกปัดเป่าออกไปได้ด้วยเหตุผลอื่น คนเราก็พร้อมจะอ้างอิงว่า
ปัญหาชีวิตถูกแก้ไขได้ด้วยการแก้ชง
ถูกผิด พิสูจน์ยาก แต่ที่แน่ๆ เราสรุปได้เลยว่า การตลาดเรื่องปีชงประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
รายได้เข้าวัดที่รับทำพิธีแก้ชงยังอุ่นหนาฝาคั่งทุกๆปี
ความจริงอีกด้านที่เราอาจจะหลงลืมไป คือความคิดเราเป็นอย่างไร
ปากเราพูดอย่างไร ชีวิตเราก็จะเป็นไปในทางนั้น
ปากบอกว่าซวย ชีวิตก็จะพบเจอแต่ความซวย นั่นก็ซวย นี่ก็ซวย โน่นก็ซวย
แต่พอความซวยชนิดเดียวกัน เกิดขึ้นกับอีกคน
เขากลับไม่คิดว่านั่นคือความซวย เขากลับมองว่ามันคือบททดสอบที่ผ่านเข้ามา
ให้เขาแข็งแกร่งมากขึ้น
ยามอยู่ในความซวยนั้น อาจจะจิตใจแกว่งไกวบ้าง ครั้นพอผ่านมาได้
เขากลับยิ่งใช้บทเรียนเหล่านั้น เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเขาเอง
จนสามารถพัฒนาตัวเองให้ก้าวข้ามความซวยมาได้ ไม่ผิดพลาดซ้ำอีกในเรื่องเดิมๆ
ไม่นับรวมว่า แค่ความคิด แค่ไม่ออกปากว่าซวย
เขาก็ไม่ต้องเสียเงินซักบาทไปตระเวนไหว้พระแปดวัดเก้าวัดเพื่อล้างซวย
ต้นทุนชีวิต มาจากต้นทุนความคิด
คิดดี คิดบวก ต้นทุนด้านบวกก็เยอะ
ต้นทุนด้านบวกเยอะ ชีวิตก็บวกเยอะ
คิดแย่ คิดลบ ต้นทุนด้านลบก็เยอะ
ต้นทุนด้านลบเยอะ ชีวิตก็มีแต่ความซวย
และส่งต่อความรวยให้กับบรรดาซินแสรับแก้ซวยทั้งหลายแทน
คิดได้อย่างนี้ ก็จะเข้าใจได้เองว่า
ความซวย
มันมีที่มาจากที่ไหนกันแน่ .
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น